สุดยอดการแข่งขันซูเปอร์ไบค์เบอร์หนึ่งของไทย “แพลน-บี มีเดีย บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิพ 2024” รูดม่านปิดฉากเรียบร้อบแล้ว หลังดวลเรซสุดท้ายเมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน 2567 โดย “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ อดีตนักบิดเวิลด์ ซูเปอร์สปอร์ต แชมเปียนชิพ จาก ยามาฮ่า ทีเอ็นพี พีทีที ลูบริแคนท์ส เหมาชัย 2 เรซส่งท้ายปี ขณะ “บอล” จักรกฤษณ์ แสวงสวาท จาก อีสต์ เอ็นเจที พีทีที ลูบริแคนท์ส เรซซิ่ง ทีม ผงาดคว้าแชมป์ประจำปีในรุ่นใหญ่ เฉือนคู่แข่งเพียง 1 แต้ม หลังผ่านฤดูกาลสุดเข้มข้นที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์
การแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์ประเทศไทย รายการ แพลน-บี มีเดีย บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิพ 2024 สนามสุดท้าย ดวลความเร็วเรซสุดท้าย เมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน เพื่อชิงแชมป์ประจำปีทุกรุ่นของฤดูกาลนี้
ไฮไลต์สำคัญอยู่ที่การลุ้นแชมป์ประจำปีในรุ่นใหญ่อย่าง ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี ซึ่งเป็นการขับเคี่ยวกันระหว่าง “บอล” จักรกฤษณ์ แสวงสวาท จ่าฝูงจาก อีสต์ เอ็นเจที พีทีที ลูบริแคนท์ส เรซซิ่ง ทีม และ “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ อดีตนักบิดเวิลด์ ซูเปอร์สปอร์ต แชมเปียนชิพ จาก ยามาฮ่า ทีเอ็นพี พีทีที ลูบริแคนท์ส ที่เพิ่งกลับมาจากอาการบาดเจ็บ โดยทำให้เขาพลาดการเก็บคะแนนในสนาม 3
เกมเรซนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของ “แสตมป์” อภิวัฒน์ ที่ออกนำจากตำแหน่งโพลและบิดเข้าป้ายเป็นคันแรกแบบม้วนเดียวจบ ด้วยเวลา 19 นาที 31.410 วินาที ตามด้วย “ซีเค” ชัยวิชิต นิสกุล จาก คอร์ มอเตอร์สปอร์ต ไทยแลนด์ ตามหลัง 3.198 วินาที ส่วนอันดับ 3 เป็นของ “บอล” จักรกฤษณ์ ตามหลัง 8.092 วินาที
แต่ก็เพียงพอให้เขาผงาดคว้าแชมป์ประจำปีไปครองอย่างยิ่งใหญ่ โดยมี 101 คะแนน เฉือนรองแชมป์อย่าง “แสตมป์” อภิวัฒน์ เพียง 1 แต้มเท่านั้น ด้าน “เบนซ์ เรซซิ่ง” อริย์ธัชวรโรจน์เจริญเดช นักบิดชื่อดังเข้าป้ายในอันดับ 3 ของคลาส เอสบี2 คว้ารองแชมป์ประจำปีไปครอง
ผลการแข่งขันในรุ่น ซูเปอร์สต็อก 1,000 ซีซี ปรากฏว่านักบิดจอมเก๋าอย่าง ออ ปิตะบุตร จาก คอร์ มอเตอร์สปอร์ต ไทยแลนด์ พลิกขึ้นมาคว้าชัยชนะด้วยเวลา 20 นาที 5.615 วินาที ทิ้งห่างอันดับ 2 อย่าง นทีธาร ทองโคตร จาก ยามาฮ่า ทีเอ็นพี พีทีที ลูบริแคนท์ส อันดับ 2 ถึง 6.827 วินาที ส่วนอันดับ 3 ได้แก่ ตะวัน ตั้งจิตเจริญกุล จาก ทีเค ฮอนด้า อิเดมิตสึ ศรีนคร ไออาร์ซี ดีไอดี อัลไพน์สตาร์ส ดิเรก ทีม ตามหลังถึง 31.652 วินาที โดยแชมป์ประจำปีในรุ่นนี้ตกเป็นของ นทีธาร ที่กวาดไปทั้งสิ้น 108 คะแนน จากการคว้าชัยมากถึง 3 ครั้งจาก 5 เรซ
ส่วนผลการแข่งขันในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี ต่อศักดิ์ นวลสาย จาก ยามาฮ่า ทีเอ็นพี พีทีที ลูบริแคนท์ส ที่ออกสตาร์ตจากโพลนำม้วนจบด้วยเวลา 20 นาที 21.825 วินาที ตามด้วยอันดับ 2 และ 3 อย่าง โกยุ นาคากาวะ นักบิดญี่ปุ่น และ วัชรินทร์ ทับทิมอ่อน คู่หูจาก อีสต์ เอ็นเจที พีทีที ลูบริแคนท์ส เรซซิ่ง ทีม ตามหลังผู้ชนะคนละ 4.786 วินาที และ 5.077 วินาที โดยแชมป์ประจำปีตกเป็นของ ต่อศักดิ์ นวลสาย จาก ยามาฮ่า ทีเอ็นพี พีทีที ลูบริแคนท์สจากผลงานร้อนแรงตลอดทั้งฤดูกาล กวาดไปทั้งสิ้น 125 คะแนน
ขณะที่ผลการแข่งขันในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 400 ซีซี “ฟอง” คณาทัต ใจมั่น จาก ไฮสปีด เรซซิ่ง ทีม เจ้าของโพลขับเคี่ยวกันอย่างหนักกับ เติ้ล” พีระพงษ์ หลุยบุญเป็ง ดีกรีนักบิดระดับเอเชียจาก สปีด800 ยัวซ่า ปอ เรซซิ่ง เชียงใหม่ ต้องมาตัดสินกันถึงโค้งสุดท้าย โดยเป็น คณาทัต ที่คว้าชัยชนะไปครองด้วยเวลา 12 นาที 35.502 วินาที เฉือน พีระพงษ์ อันดับ 2 เพียง 0.125 วินาทีเท่านั้น ส่วนอันดับ 3 เป็นของ “ฟิล์ม” ปิยวัฒน์ ประทุมยศ จาก อีสต์ เอ็นเจที พีทีที ลูบริแคนท์ส เรซซิ่ง ทีม ตามหลังผู้ชนะเพียง 1.012 วินาที โดยแชมป์ประจำปีในรุ่นนี้ัตกเป็นของ คณาทัต ที่ขึ้นโพเดียมแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ และคว้าชัยชนะไปมากถึง 3 เรซ มี 115 คะแนน
ปิดท้ายด้วยรุ่นจูเนียร์อย่าง สปอร์ต โปรดักชั่น 400 ซีซี ตำแหน่งหัวแถวเป็นการไบ่บดกันอย่างสุดมันส์ของ 3 นักบิดอย่าง หวง เห่า นักบิดไทยเปจาก วาโวลีน เอสเอ็มเอส เรซซิ่ง ทีม, ธีรไนย ทับทิม จาก ยามาฮ่า สมาร์ตสปอร์ต ไออาร์ซี ดีไอดี และ ภูริทัต จันจาด จาก เคแอล เพาเวอร์การ์ด ไทยแลนด์ วีอาร์ แร็ป เรซซิ่ง ทีม ทั้ง 3 คันต้องมาลุ้นกันถึงโค้งสุดท้าย และเป็น หวง เห่า ที่ชิงจังหวะยอดเยี่ยมคว้าชัยชนะไปครองด้วยเวลา 13 นาที 8.395 วินาที เฉือนอันดับ 2 และ 3 อย่าง ธีรไนย และ ภูริทัต เพียง 0.011 วินาที และ 0.137 วินาทีตามลำดับ โดยแชมป์ประจำปีในคลาสจูเนียร์เป็นของ ภูริทัต จันจาด จาก เคแอล เพาเวอร์การ์ด ไทยแลนด์ วีอาร์ แร็ป เรซซิ่ง ทีม เก็บไปทั้งสิ้น 95 คะแนน ส่วนในรุ่นสปอร์ต โปรดักชั่น 400 ซีซี แชมป์ประจำปีเป็นของสุทธิพจน์ พัชรีธร เก็บไปทั้งสิ้น 72 คะแนน
ทั้งนี้ ศึก “แพลน-บี มีเดีย บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิพ 2024” ยืนยันเดินหน้ายกระดับการแข่งขันในฤดูกาลหน้า โดยมีเป้าหมายในการเป็นรายการสองล้อเบอร์หนึ่งของเอเชีย และเป็นเวทีปั้นนักบิดไทยสู้การแข่งขันระดับสากลในอนาคต