ครั้งแรกที่เห็นด้านหน้าของโรงแรม ความรู้สึกมันเหมือนกับว่าโรงแรมนี้เพิ่งเปิดใหม่ๆ รูปทรงที่สูงตระหง่านโดดเด่นสวยงาม มีกำแพงที่ติดป้ายชื่อโรงแรมอยู่ด้านขวามือ ตรงกลางมีบันไดสำหรับเดินขึ้นเข้าไปภายในโรงแรม เพียงไม่กี่อึดใจก็มีเสียงทักทายสวัสดีจากพี่สมศักดิ์ด้วยความเป็นกันเอง เราสามคนสวัสดีทักทายถามสารทุกข์สุกดิบกันได้ไมานานก็พากันเดินเข้าไปด้านใน
ก่อนที่จะขึ้นไปยังด้านบนก็ต้องเดินผ่านห้องต่างๆ พอก้าวพ้นจากบันไดทางเข้าโรงแรม ทางด้านซ้ายจะมีบ่อน้ำขนาดเล็กที่ปลูกดอกบัวหลายสี ส่วนทางด้านขวามือจะมีทางเดินไปสู่ลานจอดรถ พอก้าวขึ้นบันไดช่วงที่สองระหว่างตรงกลาง ทางฝั่งซ้ายมือจะเป็นห้องสำหรับทำการเช็คอิน ส่วนทางด้านขวาเมื่อผลักประตูเข้าไป ที่ตรงนี้จะเป็นห้องอาหาร
ดื่มน้ำต้อนรับขับสู้พร้อมกับรับกุญแจห้องเรียบร้อย พี่สมศักดิ์ก็พาเราสองคนเดินขึ้นไปยังชั้นบนที่เป็นห้อง Grand Premier การเดินผ่านเข้าออกประตู ที่นี่จะมีระบบรักษาความปลอดภัยอย่างดีเยี่ยม ผู้ที่เข้าพักจะต้องใช้คีย์กา์ดแตะเพื่อทำการเปิดเข้าไปด้านใน
…พี่สมศักดิ์พาพวกเราเดินขึ้นบันไดขึ้นไปยังชันบนที่เราจะเข้าพัก มองดูรอบๆ บริเวณและพื้นห้องทางเดิน เฮ้ย! ทำไมมันใหม่สะอาดสะอ้านจังเลย ไม่เก่าเหมือนกับที่เราสองคนได้คิดไว้ ที่นี่ดูแลรักษาโรงแรมได้ดีมากๆ โรงแรมยังคงสภาพใหม่อยู่เหมือนเมื่อหลายปีที่แล้ว สุดยอดมากๆ
พื้นและผนัง โทนสีรวมๆ จะออกไปในทางสีครีม ดูแล้วสะอาดสะอ้านดี ราวบันไดเป็นสแตนเลสผสมไม้จริง ตรงมุมห้องก็จะมีแจกันดอกไม้วางตกแต่งประดับประดาเอาไว้ เราหิ้วกระเป๋ษเดินทางขึ้นยังห้อง Grand Premier ที่อยู่ยังชั้นบนสุด
พี่สมศักศักดิ์เปิดประตูห้องให้พร้อมกับพาเราสองคนเดินเข้าไปยังด้านใน ห้องใหญ่โตเอามากๆ พื้นไม้ปูด้วยไม้ปาเก้สีโอ๊คเข้มเคลือบเงา ตู้เสื้อผ้าและเฟอร์นิเจอร์ทำด้วยด้วยไม้ทั้งหมดเช่นกัน ภายในห้องจะถูกออกแบบให้เป็นสัดเป็นส่วนอย่างลงตัว ทางฝั่งซ้ายมือจะแยกเป็นส่วนของตู้เสื้อผ้า ห้องแต่งตัว และห้องน้ำ ส่วนด้านขวามือจะเป็นในส่วนของห้องนอนขนาดใหญ่ มีทีวีจอแบนและโซฟาทางด้านขวามือ ที่ผนังจะปูด้วยหินสีโอ๊คเต็มผนัง ดูแล้วคลาสสิคดีมากๆ
พี่สมศักดิ์อยู่แนะนำรายละเอียดของห้องได้ไม่นานก็ขอตัวเดินลงไปทำงานต่อ ยังคงปล่อยให้เราสองคนยืนชื่นชมห้องนอนพร้อมกับถ่ายรูปเช็คอินกันอย่างเพลิดเพลิน ห้องนี้เตียงนอนจะใหญ่มากๆ ขนาดน่าจะประมาณแปดฟุตได้ นอนกลิ้งกันได้อย่างสบายเลย ด้านบนเพดานจะทำเป็นฝ้าดร็อปเป็นหลุม มีไฟส่องสร้างบรรยากาศอยู่รอบๆ ผนังด้านหัวเตียงถูกปูด้วยวอลล์เปเปอร์เป็นลวดลายคลุมโทนให้กลมกลืน ทางด้านซ้ายจะมีประตูกระจกบานเลื่อนเพื่อเดินออกไปยืนเสพบรรยากาศในยามที่ต้องการ ด้านปลายเตียงผนังด้านที่ติดกับห้องน้ำ ทีวีจอแบน ชุดกาแฟ และโต๊ะทำงานตั้งอยู่ ภายในห้องถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบและลงตัว
เดินย้อนกลับไปยังอีกด้าน ในส่วนนี้จะมีที่วางกระเป๋าเดินทาง ตู้เสื้อผ้า ตู้เซฟ โต๊ะเครื่องแป้ง ด้านขวามือก็จะเป็นห้องน้ำขนาดพอประมาณที่มีการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นเอาไว้ ห้องน้ำด้านที่ติดกับโต๊ะเครื่องแป้งจะทำเป็นหน้าต่างบานคู่ มีเอาไว้ให้เปิดหรือปิดในยามที่เราต้องการ อืม! อลังการงานสร้างและสะอาดเอี่ยมจริงๆ ผิดคาดจากที่เราสองคนคาดไว้จริงๆ
นอกจากห้องพัก Grand Premier แล้ว ที่นี่ยังมีห้องพักอีกสองแบบก็คือ ห้องดีลักซ์เตียงเดี่ยว และดีลักซ์เตียงคู่ โดยแต่ละห้องก็จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกมาให้อย่างครบครัน ในแต่ละห้องก็จะออกแบบแตกต่างกันออกไป โดยแต่ทุกห้องจะถูกตกแต่งและทำความสะอาดเอาไว้เพื่อการต้อนรับแขกที่มาเยือน
โรงแรมระพรรณวิลล์ตั้งอยู่บนทำเลสะดวกใจกลางเมืองอุบลราชธานี ที่พักจะห่างจากศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่าไม่มากนัก เพียงแค่ขับรถข้ามสะพานไปหน่อยเดียวก็ถึง ใช้เวลาเดินทางเพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้นเอง และที่สำคัญ โรงแรมนี้จะอยู่ไม่ไกลจากสนามบินนานาชาติอุบลราชธานีมากนัก ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ 15 นาที สะดวกสบายเอามากๆ ขอบอก
นอกจากที่พักแล้ว ที่นี่ยังมีบริการอาหารไทยที่ต้องบอกว่ารสชาตินั้นอร่อยมากๆ อันนี้ผู้เขียนได้ลองชิมแล้วทุกเมนู ก็ในฐานะที่เป็นช่างภาพนี่ครับ ถ่ายเสร็จก็เลยรับประทานกันเสียด้วยเลย 5555+
เมืองอุบลราชธานี ถือเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็น สามพันโบก แก่งชมดาว วัดเรืองแสง น้ำตกแสงจันทร์ ผาแต้ม วัดพระธาตุหนองบัว วัดหนองป่าพง เสาเฉลียง แก่งตะนะ และอีกมากมายจนบอกไม่หมด ก็ไปเที่ยวกันเอาเองนะครับ สำหรับเราสองคนก็ไปได้ไม่กี่แห่งเอง ก็มีสามพันโบก แก่งชมดาว วัดเรืองแสง วัดพระธาตุหนองบัว วัดหนองป่าพง ส่วนที่เหลือก็คงต้องไปเที่ยวตามเก็บเป็นครั้งต่อไป
สนใจติดต่อขอจองห้องพักได้ที่เบอร์โทร. 045 312 841 หรือเข้าไปดูรายละเอียดและรูปภาพประกอบกันได้ที่เว็บไซต์ https://rapeepanvill.com/ แล้วจะรู้ว่าที่ผมเล่ามามันไม่ได้เกินเลยจริงๆ