73 ผ่านโครงการ “ปลูกป่าด้วยปลายนิ้ว” ที่จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 หลังจากคิกออฟไปเมื่อปี พ.ศ.2565 ตั้งเป้าปลูกป่า 1 ล้านตารางเมตร ภายในปี พ.ศ.2568
โครงการปลูกป่าด้วยปลายนิ้ว ดำเนินภายใต้ปรัชญา “Go Beyond Dreams” ในกลยุทธ์ Go Exceed, Go Exist สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ผ่านความสมดุลในทุกมิติ ทั้งชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม โครงการฯมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว อันเป็นแหล่งดูดซับคาร์บอน แบบ 1 ต่อ 1 หรือ 1 ตารางเมตร ที่สิงห์ เอสเตทพัฒนาโครงการ จะดูแลผืนป่า 1 ตารางเมตรด้วยเช่นกัน โดยโครงการนี้ประกอบไปด้วยพื้นที่ทั้งหมด 634 ไร่ สำหรับ 2 ปีที่ผ่านมา ได้ทำการปลูกต้นไม้ไปแล้วทั้งหมด 6,200 ต้น ซึ่งมีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 20% และในปีนี้ สิงห์ เอสเตทได้จัดเตรียมพรรณไม้พื้นถิ่นอย่างต้นรวงผึ้ง นำมาปลูกเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว และช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สาเหตุของภาวะเรือนกระจก
คุณฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S กล่าวว่า “ในปีนี้โครงการ ‘ปลูกป่าด้วยปลายนิ้ว ได้เข้าสู่ปีที่ 3 แล้ว โดยตั้งเป้าปลูกป่าให้ได้ 1 ล้านตารางเมตร ให้เสร็จสมบูรณ์ในปี พ.ศ.2568 และตั้งเป้าโครงการระยะยาว 10 ปี จากความมุ่งมั่นตั้งใจในการดำเนินงานเพื่อสานต่อเจตนารมณ์ของบริษัทฯ ในการเตรียมความพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้วยการทำงานเชิงรุก ปรับกระบวนการผลิต และกลยุทธ์ ก่อให้เกิดผลด้านการดำเนินงานและการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกมิติ ซึ่งที่ผ่านมาเราได้เริ่มต้นจากสร้างการรับรู้ให้ผู้คนหันมาใส่ใจในเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และโครงการปลูกป่านี้เราตั้งใจที่จะทำให้ครอบคลุม 3 พื้นที่ เหนือ กลาง และใต้ ได้แก่ 1)ป่าต้นน้ำปักหมุด สิงห์ ปาร์ค เชียงราย เป็นสถานที่ในการปลูกป่า เพราะด้วยลักษณะภูมิประเทศที่อุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติ และ ซึ่งจะช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวและพลิกฟื้นผืนป่าให้อุดมสมบูรณ์กว่าที่เคย 2)ป่าในเมืองที่กรุงเทพมหานคร สร้างพื้นที่สีเขียวตามโครงการต่างๆ ของสิงห์ เอสเตท เช่นสร้างสวนหย่อมนั่งพักผ่อนเปิดเป็นพื้นที่สาธารณะหน้าอาคารสำนักงาน S-OASIS และ Singha Complex การรักษาต้นไม้ใหญ่ของพื้นที่เดิมในทุกโครงการ 3)ป่าปลายน้ำ ปลูกต้นโกงกางที่ปลายชายเลน เกาะ พีพี จ.กระบี่ รวมไปถึงโครงการที่ต่างประเทศ CROSSROADS Maldives เราได้ตั้งเป้าอนุรักษ์พื้นที่ทางทะเลที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงซึ่งมีขนาดใหญ่ถึง 3 ล้าน ตารางเมตร ทั้งหมดนี้เพื่อเป้าหมายบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน และเข้าสู่การเป็นองค์กร Carbon Neutrality ภายในปี พ.ศ.2573 ตามที่ตั้งเป้าไว้ และเราเชื่อว่าการริเริ่มโครงการเหล่านี้จะสะท้อนถึงพันธกิจ ‘Go Beyond Dreams’ ที่สิงห์ เอสเตทตั้งไว้ได้เป็นอย่างดีเช่นกัน”
โดยโครงการปลูกป่าด้วยปลายนิ้ว เป็นส่วนหนึ่งในแนวทางการดำเนินธุรกิจด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainability Development) เพื่อเพิ่มพื้นที่ดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และแหล่งกักเก็บคาร์บอน จำนวน 1 ล้าน ตารางเมตร ผ่านกลยุทธ์ Go Exceed, Go Exist 3 แกนหลัก
- Climate Resilience Model การตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตามเป้าหมายการมีส่วนร่วมในการจำกัดคาร์บอนของประเทศไทย หรือ NDC (Nationally Determined Contribution) ที่ 40% เพื่อเป็นองค์กรที่มีบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือ Carbon Neutrality
- Nature-Based Solutions การสร้างความหลากหลายทางชีวภาพ ทั้งสิ่งมีชีวิตทางบกและทางทะเล อนุรักษ์สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในกลุ่มใกล้สูญพันธุ์ตาม IUCN Green List Standard ในการป้องกัน หลีกเลี่ยง บรรเทา ฟื้นฟู และชดเชยผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมต่อความหลากหลายทางชีวภาพตลอดห่วงโซ่คุณค่า
- Enriching Society มุ่งเป็นศูนย์กลางในการสร้างสังคมคุณภาพ ผ่านโครงการต่าง ๆ ถึงกว่า 30 โครงการ นับเป็นจำนวนมากกว่า 1000,000 คน ครอบคลุมพื้นที่การดำเนินงาน 5 ประเทศในทุกกลุ่มธุรกิจ
ด้านคุณชวาล คงทรัพย์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท สิงห์ปาร์ค เชียงราย จำกัด กล่าวว่า “ในฐานะตัวแทนของสิงห์ปาร์ค เชียงราย รู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับสิงห์ เอสเตท ในโครงการปลูกป่าด้วยปลายนิ้ว การร่วมกันปลูกป่าและดูแลพื้นที่สีเขียวในพื้นที่แห่งนี้ ตั้งแต่ต้นไม้ต้นแรกที่เริ่มปลูกจนเข้าสู่ปีที่ 3 ของโครงการ เราได้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรมในการเพิ่มพื้นที่ป่าต้นน้ำในเขตจังหวัดภาคเหนือ เนื่องจาก สิงห์ปาร์ค เชียงราย มีความเหมาะสมสำหรับเป็นพื้นที่ปลูกป่าต้นน้ำ ทั้งด้านลักษณะภูมิประเทศที่อยู่ติดกับแนวป่าต้นน้ำธรรมชาติ ซึ่งมีความสมบูรณ์ทางธรรมชาติที่จะก่อให้เกิดการเอื้ออาศัยกันทางระบบนิเวศ นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นหนึ่งในการสร้างสิ่งแวดล้อมดี ๆ ที่ไม่ใช่แค่ในจังหวัดเชียงราย แต่เป็นการคืนธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับทุกคน”
จุดมุ่งหมายของโครงการปลูกป่าด้วยปลายนิ้ว มีเป้าหมายในการช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ นอกจากนี้ สิงห์ เอสเตทเล็งเห็นว่า การปลูกป่าเปรียบเสมือนต้นน้ำ ที่สำคัญที่สุดในการดำรงอยู่ของระบบนิเวศ เพราะหากต้นน้ำอุดมสมบูรณ์แล้ว จะส่งผลให้ความหลากหลายทางชีวภาพเจริญเติบโตได้อย่างดี รวมถึงระบบนิเวศมีความอุดมสมบูรณ์เช่นกัน โดยโครงการปลูกป่าด้วยปลายนิ้ว มีการทำต่อเนื่องทั้งปี เพื่อให้คนในพื้นที่และชุมชนได้มาช่วยกันปลูกผืนป่า พร้อมทั้งดูแลป่าที่สร้างขึ้นมาเอง ซึ่งจะช่วยสร้างทุนทางสังคมและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับชุมชน ต่อยอดไปสู่การแบ่งปันให้กับชุมชนและสิ่งแวดล้อม พร้อมส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มอากาศสะอาด และช่วยลดภาวะโลกร้อน จะเห็นได้ว่าการดำเนินงานดังกล่าวล้วนสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ Entrusted and Value Enricher ที่มุ่งมั่นสร้างคุณค่าและการเติบโตอย่างยั่งยืน